นับว่าเป็นที่ฮือฮาไม่น้อยไปกว่าการย้ายทีมของแกเร็ธ เบล
ซุปตาร์ทีมชาติเวลส์ของสเปอร์ส ที่ไปซบตักเรอัล
มาดริดด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติใหม่ของโลกนั่นก็คือการที่ทีมจอมหนืดอย่างอาร์เซน่อลกล้าๆ
ทุบกระปุกเอาเงินออกจากคลังมากกว่า 42.5 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับเมซุต โอซิล
จอมทัพทีมชาติเยอรมัน มาจากถิ่นซานติอาโก้
เบร์นาบิวในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2013
จะปิดตัวลงเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง
แม้ทีมราชันชุดขาวเพิ่งจะเบอร์ห้าบ้าเห่อกับการได้มาของสตาร์รายใหม่อย่างเบล
แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีแฟนบอลทีมราชันชุดขาวแห่มารวมตัวกันกว่า 20,000
คนเพื่อประท้วงการขายโอซิลในระหว่างแถลงการณ์เปิดตัวแข้งที่แพงที่สุดของโลกคนใหม่ด้วยการพากันร้องตะโกนสวนออกมาเมื่อนำมาแปลเป็นภาษาบ้านเราได้ว่า
"โอซิลไม่ได้มีเอาไว้ขาย"
หากมองกันลึกลงไปแล้วจะพบว่าโอซิลนี่แหละน่าจะเป็นเพลย์เมกเกอร์เบอร์หนึ่งของยุโรปตัวจริงจากผลงานการจ่ายบอลให้เพื่อนกระทุ้งตุงตาข่ายและการสร้างสรรค์โอกาสในเกมได้ขนาดที่ว่าลีโอเนล
เมสซี่ แข้งเบอร์หนึ่งของโลกทีมชาติอาร์เจนตินาของบาร์เซโลน่า
ยังเทียบชั้นกันไม่ได้เลยทีเดียว รวมทั้งยังเหนือกว่าแข้งมาใหม่อย่างเบลอีกด้วย
ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าเขาได้รับฉายา "คิง ออฟ แอสซิสต์"
โอซิล
ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในเยอรมันตามคุณพ่อคุณแม่ของเขาที่อพยพมาจากตุรกี
ออกสตาร์ทหนทางค้าแข้งด้วยการเป็นเด็กฝึกหัดของทีมเล็กๆ ทางย่านเกลเซ่นเคียร์เช่น
ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับชาลเก้ 04 หลังจากนั้นก็ถูกแวร์เดอร์
เบรเมนดึงตัวไปเสริมทัพเมื่อเดือนมกราคมปี 2008
จนฉายแววแข้งเทพออกมาจากการพาทีมตรานกนางนวลทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า
คัพแต่อกหักพ่ายชัคเตอร์ โดเน็ตส์คของยูเครนไปแบบฉิวเฉียด 1-2
ขณะที่ผลงานในระดับชาติของเขาก็ไม่ได้น้อยหน้าใครเมื่อช่วยให้เยอรมันฟันอันดับ
3 ในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ด้วยผลงานที่สุดทีนที่ไล่ย้ำใหญ่ทั้งอังกฤษ
4-1 และอาร์เจนตินา ซึ่งมีเมสซี่ ไปอย่างขาดลอย 4-0
ก่อนที่ทีมอินทรีเหล็กจะอกหักในศึกยูโร 2012
ที่โปแลนด์และยูเครนด้วยการพ่ายอิตาลีไปแบบล็อคถล่ม 1-2 ในรอบตัดเชือก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น